สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ ของคุณแม่

สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์

            สำหรับผู้หญิงหลายคน ความหนักหน่วงสักครั้งในชีวิต ที่จะต้องแบกรับเอาไว้ ก็คงจะเป็นหน้าที่ของมารดาผู้อุ้มท้องบุตร และ เฝ้าเลี้ยงดูให้บุตรเติบโตมาอย่างปลอดภัย และการตั้งครรภ์ก็ถือว่าเป็นความยินดีปรีดาที่ครอบครัวต่างรอคอย เมื่อมี สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ คุณแม่บางคนก็มีสัญชาตญาณสูง สามารถจับสังเกตสิ่งปกติที่เกิดกับร่างกายตัวเองได้ไว แต่คุณแม่บางคนก็ยังจับสังเกตร่างกายตัวเองไม่เก่งจึงมักเกิดภาวะการ ท้องไม่รู้ตัว อยู่บ่อยครั้ง เพื่อเป็นการระวังความปลอดภัยให้ทั้งแม่และลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ คุณผู้หญิงที่มุ่งหวังจะมีครรภ์ควรหมั่นสังเกตร่างกายตัวเองอยู่เป็นประจำ                 คุณแม่ที่เคยผ่านการมีครรภ์มาแล้วย่อมถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์แล้ว หากตั้งครรภ์ในครั้งต่อไปจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีท้องอยู่หรือไม่ แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ก็ควรจะศึกษาข้อมูลและวิธีการสังเกตอาการท้องของตัวเองเอาไว้ก่อน ซึ่งทางเราก็มีวิธีการจับสัญญาณเตือน สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่กำลังจะมีครรภ์มาแนะนำด้วย เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะตั้งครรภ์จริง สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ ระยะเริ่มต้น             การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นหลังจากที่ไข่ของผู้หญิงได้รับการปฏิสนธิแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งการฝังตัวของตัวอ่อนนั้นสามารถเกิดขึ้นเร็วกว่า 2 สัปดาห์ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณแม่ แต่ สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ ระยะเริ่มต้นจะแสดงออกมาหลังจากที่ตัวอ่อนได้ฝังตัวในโพรงมดลูกไปแล้วประมาณ 1-4 สัปดาห์ โดยคุณแม่สามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นของตัวเองได้จาก Checklist เหล่านี้ ได้แก่                 – ประจำเดือนคลาดเคลื่อนหรือไม่มาเลยในเดือนนั้น ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเริ่มสังเกตอาการตั้งครรภ์จากช่วงเวลาของประจำเดือนขาดหายเป็นอย่างแรก แต่ก็ต้องสังเกตร่วมอื่น ๆ ร่วมด้วยจึงจะให้ผลที่แน่นอนกว่า                 – เต้านมมีลักษณะคัดตึง อาการนี้จะเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับช่วงเวลาที่ประจำเดือนขาดหาย เนื่องจากเต้านมมีการขยายตัวจนตึง […]

วิธี เลี้ยงลูกเชิงบวก เริ่มต้นอย่างไรดี พ่อแม่มือใหม่ห้ามพลาด

วิธี เลี้ยงลูกเชิงบวก

                เชื่อว่ามีพ่อแม่มือใหม่หลายคนที่อยากจะ เลี้ยงลูก ให้ได้ดี แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่ที่มักจะลังเลเมื่อเข้าไปอ่านหาความรู้เกี่ยวกับ การเลี้ยงลูก อย่างการ เลี้ยงลูกเชิงบวก ที่นับว่าเป็นเทรนด์ในการเลี้ยงลูกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยว่ามีเป้าหมายเพื่อสอนให้ลูกรู้จักสงบอารมณ์ เป็นการฝึกสมองส่วนคิดวิเคราะห์ให้ทำงานมากยิ่งขึ้น เมื่อลูกรู้จักและรู้ทันอารมณ์ของตัวเอง ผลดีที่ตามมาคือ ทำให้รู้มีวิธีจัดการอารมณ์ ไม่แสดงออกในด้านความรุนแรงหรือก้าวร้าว สำหรับพ่อแม่ท่านไหนที่สนใจอยากจะเลี้ยงลูกเชิงบวกแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร มี วิธีเลี้ยงลูก อย่างไร รวมถึงมีข้อดีอย่างไร เราชวนมาเจาะลึกในเรื่องนี้กัน เลี้ยงลูกเชิงบวก คืออะไร             การ เลี้ยงลูกเชิงบวก เป็นการเลี้ยงลูกที่ไม่สร้างบาดแผลทางกายหรือทางใจ ดังนั้นการเลี้ยงลูกด้วยวิธีนี้ จะไม่ใช้วิธีการตี หรือมีบทลงโทษ ที่สร้างรอยแผลให้กับลูก แต่เป็นการเน้นชื่นชม ให้กำลัง เพื่อให้เขาเรียนรู้ผลลัพธ์ของการกระทำ วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกหัวใจสำคัญคือพ่อแม่ต้องรู้เท่าทันแลระงับอารมณ์โกรธ โมโหของตัวเองก่อน เพราะมักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การเลี้ยงลูกด้วยวิธีนี้ล้มเหลว 7  วิธีเลี้ยงลูก เชิงบวก พ่อแม่มือใหม่ทำตามง่าย ๆ เห็นผลลัพธ์ดี                 เพื่อให้พ่อแม่มือใหม่มีแนวทางในการเลี้ยงลูกเชิงบวก 7 เทคนิคเหล่านี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการเลี้ยงลูก มาดูกันว่ามีอะไรบ้างและทำอย่างไร พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก นั่นหมายความว่าเมื่อรู้ว่าสิ่งไหนไม่ดี ห้ามทำให้ลูกเห็น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกด้านอารมณ์โมโห โกรธ […]

หมั่นสังเกต พัฒนาการแต่ละช่วงวัย ของลูก เพื่อส่งเสริมสติปัญญา

พัฒนาการแต่ละช่วงวัย

                เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนเฝ้าดูการเจริญเติบโตของลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง นั้นคือการอัลเตอร์ซาวด์หรือบางคนมีแอพพลิเคชั่นที่สามารถเห็นภาพเด็กในท้องว่าตอนนี้มีอวัยวะใดงอกออกมาแล้วบ้าง ถือเป็นพัฒนาการที่ทำให้พ่อแม่หลายคนตื้นตัน เมื่อคลอดออกมาก็มิวายที่จะติดตาม พัฒนาการแต่ละช่วงวัย เพื่อส่งเสริมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการโต้ตอบที่จะสร้างสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก เราไปดูกันว่าเด็กคนหนึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรในแต่ละวัย พัฒนาการของวัยทารก                 สำหรับวัยทารกจะนับตั้งแต่ที่ได้คลอดออกมาจากท้องแม่ไปจนถึงอายุ 24 เดือน ซึ่งจะมีการเจริญเติบโต มีพัฒนาการที่ไวต่อการรับรู้ รวมไปถึงแสงสามารแบ่งเป็นได้ 2 ช่วงคือ ช่างวัยแรกเกิดและช่วงวัยทารก จะมีความแตกต่างกันจะสังเกตได้จากรายละเอียดที่เรานำมา ดังนี้                – วัยทารกแรกเกิด จะนับตั้งแต่ที่ได้คลอดออกมาจนไปถึง 2 สัปดาห์ ถือว่าในช่วงนี้ทารกกำลังฟื้นตัวและแม้ว่าก่อนหน้านั้นทารกจะอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียสก็ตาม แต่เขาสามารถปรับร่างกายให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในท้องและภายนอกครรภ์มารดา ฉะนั้นเมื่อคลอดออกมาแล้วจะถือเป็นระยะที่ทารกฟื้นตัว                 – ช่วงวัยทารก ที่มีอายุ 2 สัปดาห์ถึง 2 ปี แน่นอนว่าพัฒนาการในช่วงวัยนี้มีควาเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเขาจะเริ่มแสดงความสนใจต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ รวมไปถึงเมื่อคนรอบข้างมีการสื่อสารเขาจะสามารถโต้ตอบได้ด้วยการยิ้ม สบตาไปจนถึงพูดคุยสื่อสารในช่วง 2 ปีนั้นเอง วัยแรกเกิดกับ พัฒนาการแต่ละช่วงวัย พฤติกรรม ที่เปลี่ยนไป                 […]

ตั้งครรภ์ ปวดท้องน้อย อาการที่เกิดขึ้นได้ในคนท้อง ไม่อันตรายแต่ไม่ควรมองข้าม

ตั้งครรภ์ ปวดท้องน้อย

ในช่วงเริ่มต้น ตั้งครรภ์ ปวดท้องน้อย ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมดลูกกำลังขยายตัวเพื่อรองรับเจ้าตัวน้อย ซึ่งเขากำลังเจริญเติบโตนั้นเอง ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้แม่ ๆ หลายคนอดกังวลไม่ได้ แต่หากมีอาการรุนแรงไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ ฉะนั้นการที่คุณแม่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาการดังกล่าว จะทำให้ทราบถึงความผิดปกติ เพื่อที่จะได้ไปพบแพทย์ได้ทันเวลา ตั้งครรภ์ ปวดท้องน้อย อาการนี้มีหลายสาเหตุ อาการปวดท้องน้อย มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน มีทั้งแบบรุนแรงและไม่รุนแรง ซึ่งเพื่อคลายความกังวลนี้ เมื่อคุณแม่พบว่า ตั้งครรภ์ ปวดท้องน้อย จะต้องศึกษาในหลายๆ ด้าน โดยอาการดังกล่าวเกิดจากอะไรกันบ้างไปดูกันเลย 1) แน่นท้องร่วมกับปวดท้อง จุกเสียดกลางอก                 อาการปวดท้องคนท้อง1เดือน ร่วมกับจุกเสียดไม่ได้มีอันตรายมาก เพราะเกิดจากการกินอาหารของคุณแม่ที่มีรสจัด เปรี้ยว ของทอด โดยเรียกว่าเป็นกรดไหลย้อนหรือกระเพาะอาหารอักเสบ สาเหตุหลีกมาจากกรดในกระเพาะอาหารมาก อาหารไม่ย่อย เหล่านี้จะทำให้รู้สึกแน่นท้องหลังจากที่รับประทานอาหารเข้าไปและมักเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน นอกนี้ทารกในท้องโตขึ้น                 วิธีลดอาการและป้องกัน : ทานน้อย ๆ แบ่งมื้อทานจาก 3 มื้อ เป็น 5 มื้อ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารที่พอเหมาะและเลี่ยงอาหารรสเผ็ด เปรี้ยว ของทอด ที่สำคัญหลังทานเสร็จไม่ควรนอนราบทันที นั่งหลังตรง ๆ […]

ทารกท้องอืด เกิดจากอะไร พร้อมบอกวิธีสังเกตและแก้ปัญหาที่พ่อแม่ป้ายแดงควรรู้

ทารกท้องอืด

ลูกร้องไห้โยเยไม่หยุด ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร อุ้มก็แล้ว กล่อมก็แล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดร้อง เป็นปัญหาที่ทำเอาพ่อแม่มือใหม่ป้ายแดงเครียด หาทางออกไม่ได้ หากว่า หาทางกล่อมมาหลายวิธีแล้ว อุ้มเดินจนหลังขดหลังแข็งแต่ก็ยังร้อง อาจเกิดจาก ทารกท้องอืด เพราะอาการท้องอืด เกิดขึ้นได้บ่อยในทารก อันเนื่องมาจากการระหว่างดูดนมทำให้ลมเข้าท้องไปด้วย นอกจากนั้นแล้วสาเหตุหนึ่งคือ นมผสมมักจะย่อยยาก ทำให้เด็กทารกที่มีกระเพาะเล็ก เพียงนิดเดียว ท้องอืดได้ง่าย หากพ่อแม่กำลังพบปัญหาว่าลูกร้องไห้โยเยบ่อยหรือหลังกินนม วันนี้เราจึงไม่ควรมองข้าม และ ก้มหน้าก้มตาอุ้มกล่อมโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะสุดท้ายแล้วลูกก็ยังร้องไม่หยุดและพ่อแม่ก็ยิ่งเครียดหนัก ทั้งร่างกายก็ไม่ได้พักผ่อน มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การท้องอืดของทารก รวมถึงการสังเกตและวิธีการแก้ไขกันดีกว่า ทำไม ทารกท้องอืด ?             ก่อนที่จะไปพูดถึง การสังเกตและการแก้ปัญหาลูกท้องอืด มาทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุของการท้องอืดนั้นแบ่งออกเป็น การกินนมจากเต้าแม่ และเพราะนมผสมย่อยยาก ดังนั้นลองพิจารณาจากการให้นมก่อนว่า พ่อแม่ให้นมลูกแบบไหนเพื่อนำมาปรับใช้ในการแก้ปัญหาท้องอืดได้อย่างถูกต้อง ในกรณีที่กินนมแม่ สาเหตุที่ทำให้ ลูกท้องอืด เพราะงับไม่ถึงลานนม การดูดแค่บริเวณหัวนมทำให้รับลมเข้าไปในท้องมากจนทำให้มีอาการท้องอืด ในกรณีที่ลูกดูดนมขวด สาเหตุที่ทำให้ ทารกท้องอืด มาจากการที่นมผสมนั้นย่อยยาก ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะและเกิดอาการปวดแน่นท้องตามมา จะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกร้องไห้งอแงเพราะท้องอืด ?                 […]

การส่งเสริมพัฒนาการตามวัย ในช่วงที่เหมาะสม สมองดี จดจำทุกอย่างได้เร็ว

การส่งเสริมพัฒนาการตามวัย

แม้ว่าการที่เด็กคนหนึ่งพึ่งเกิดมา ไม่สามารถตัดสินอนาคตได้ก็จริง แต่ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้าสู่สังคมภายใต้สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จะต้องอาศัยการปรับตัว และ การแนะนำ ที่ถูกต้องจากผู้ใหญ่ ถือเป็น การส่งเสริมพัฒนาการตามวัย ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นวันนี้เหล่าพ่อแม่ไปดูพร้อม ๆ กันว่าแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างและจะต้องทำอย่างไร รู้แล้วลองปรับ แนวทาง การส่งเสริมพัฒนาการตามวัย             สมองของทารก ไม่เพียงประกอบไปด้วยพันธุกรรม อาหารการกินของผู้เป็นแม่ ที่เลือกสรรทานเพื่อบำรุงลูกในครรภ์เท่านั้น สิ่งแวดล้อมเองก็มีผลต่อความรู้สึกการเจริญเติบโตของสมองไม่น้อยเช่นกัน ที่สำคัญผู้เป็นแม่จะเป็นผู้กระตุ้นพัฒนาการต่าง ๆ  ซึ่งตั้งแต่ในครรภ์สมองนั้นเริ่มก่อตัวตั้งแต่อายุ 2 สัปดาห์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นในระหว่างตั้งท้อง ควรเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ อย่างเช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน กรดโฟเลต กรดไขมัน อย่างไรก็ตามพ่อแม่ควรรู้ไว้เลยว่าในช่วง3 ปีแรกสมองจะไวต่อการเรียนรู้ จำง่าย แต่หลังจากนั้นช่วง 5 ปี พัฒนาการจะลดลง แต่อย่าพึ่งกังวลไปเพราะจะมีพัฒนาการที่เชื่อมโยงระหว่างเซลล์สมองและในอายุ 12-15 ปี ขนาดของสมองจะมีขนาดเท่ากับผู้ใหญ่แล้ว เมื่อทราบแบบนี้แล้วพ่อแม่ควรเร่ง การส่งเสริมพัฒนาการตามวัย โดยด่วนด้วยแนวทางดังนี้ ทารกแรกเกิดกับแนวทางกระตุ้นพัฒนาการ ในช่วงนี้พ่อแม่จะต้องให้ความรักมาก ๆ ด้วยการกอด อุ้ม เพราะจะช่วยให้อาการร้องไห้งอแงดีขึ้น […]

ตั้งครรภ์นอกมดลูก  ฝันร้ายของว่าที่คุณแม่

ตั้งครรภ์นอกมดลูก

ว่าที่คุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะยินดีปรีดาเมื่อทราบข่าวว่าตนเองนั้นกำลังตั้งครรภ์ แต่แล้วความฝันที่กำลังจะก่อร่างสร้างตัวกลับพังทลายลงด้วยคำว่าท้องนอกมดลูก ซึ่งมี ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล ตั้งครรภ์นอกมดลูก อธิบายไว้ว่า เป็นสภาวะที่ไข่และอสุจิปฏิสนธิกันแต่ไปฝังตัวผิดที่ผิดทาง จนทำให้ร่างกายเกิดการปฏิเสธตัวอ่อนและเป็นความเจ็บปวดทางร่างกายของคนเป็นแม่อย่างประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งการท้องนอกมดลูกนั้นถือเป็นภาวะที่ผู้เป็นแม่หลาย ๆ ท่านมีความกังวลและต้องลุ้นอยู่เสมอว่าตนเองจะเข้าข่ายเป็นภาวะนี้หรือไม่ โดยในความเป็นจริงแล้ว การท้องนอกมดลูก นั้นค่อนข้างพบได้น้อยมาก ๆ หรืออาจจะเกิดในหญิงตั้งครรภ์เพียง  1 % เท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยปละละเลยหรือวางใจได้ เพราะเมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นเมื่อไหร่ นั่นเท่ากับว่าครอบครัวของคุณอาจจะสูญเสียทารกตัวน้อยตั้งแต่ยังไม่ถึง 2 เดือนและในสภาพการที่รุนแรงสุด ๆ ก็อาจจะต้องสูญเสียว่าที่คุณแม่ท่านนั้นไปอย่างน่าเสียดาย ตั้งครรภ์นอกมดลูก  อันตรายอย่างไรบ้าง ในทางการแพทย์ยังไม่สามารถตรวจพบสัญญาณที่จะบ่งบอกได้ว่าหญิงตั้งครรภ์ท่านนั้นกำลังอยู่ในสภาวะท้องนอกมดลูกหรือไม่  เพราะมักจะพบว่าเป็นหลังจากที่มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงของผู้ป่วย  เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนผิดที่ จึงทำให้ร่างกายปฏิเสธตัวอ่อนมีเลือดออกและเจ็บปวดบริเวณท้องน้อยอย่างรุนแรง จนผู้ป่วยบางท่านอาจจะเกิดภาวะช็อกหรือขาดเลือดได้เลยทีเดียว  โดยเราจะขออธิบายความอันตรายของการ ตั้งครรภ์ นอกมดลูก ให้ฟังอย่างคร่าว ๆ ดังนี้ อาจจะต้องสูญเสียลูกน้อยไปตลอดกาล เพราะโดยส่วนมากเมื่อตรวจพบสภาวะนี้มักจะทำการผ่าตัดเอาทารกออกอย่างเร่งด่วน หรืออาจจะใช้วิธีการยุติการตั้งครรภ์ซึ่งจะทำให้คุณแม่พ้นขีดอันตรายไปได้ ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดบริเวณปีกมดลูก ท่อรังไข่ หรือบริเวณอื่น ๆ อย่างรุนแรง และอวัยวะนั้น ๆ อาจจะมีการแตกหรือฉีกขาดจนทำให้ผู้ป่วยมีอาการเสียเลือดจนหมดสติหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผลกระทบอีกด้านหนึ่งคือความโศกเศร้าเสียใจจนอาจจะเกิดภาวะซึมเศร้าต่อผู้ป่วยได้ ซึ่งต้องอาศัยความรักความเข้าใจจากครอบครัวและผู้ที่อยู่ใกล้ชิด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตั้งสติและมองถึงความเป็นจริงว่าสภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกคนและถือว่าเป็นอาการป่วยประเภทหนึ่ง […]

สาระน่ารู้สำหรับว่าที่คุณแม่ที่เพิ่ง ตั้งครรภ์1เดือน

ตั้งครรภ์ 1 เดือน

หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความลุ้นระทึกว่า ผลตรวจการตั้งครรภ์ จะขึ้นเป็นบวกหรือไม่ ความตื่นเต้นปนกับความกังวล เต็มไปหมด ในเหล่าบรรดาว่าที่คุณแม่ทั้งหลาย  ไม่ว่าจะเป็นข้อควรที่จะต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น ในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ อีกทั้งอาหารการกินต่าง ๆ ที่ควรจะทานเสริมเข้าไปเพื่อให้สุขภาพของคุณแม่ พร้อมที่จะรองรับทารกในครรภ์ได้อย่างสมบูรณ์  นอกจากนี้ยังควรหาความรู้ต่าง ๆ เพื่อที่จะใช้สังเกตอาการไม่พึงประสงค์ อันอาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ในช่วงระยะแรก ๆ ได้   ซึ่งในวันนี้เรามีข้อมูลสำคัญที่จะมาแนะนำให้กับว่าที่คุณแม่ในช่วงระยะการ  ตั้งครรภ์1เดือน  ถึงแม้ว่าท้องจะยังไม่โตและร่างกายยังไม่เปลี่ยนแปลงมากสักเท่าไหร่ แต่การที่คุณแม่ทั้งหลายมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตั้งครรภ์ จะทำให้สามารถปฏิบัติตนในช่วงระยะเวลานั้นได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งมีความเข้าใจในพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ เพื่อให้ลูกน้อยในครรภ์ได้เติบโตอย่างสมบูรณ์ต่อไปนั่นเอง การเปลี่ยนแปลงของคุณแม่เมื่อครบ  ตั้งครรภ์1เดือน  ในภาษาทางการแพทย์นั้น จะนับการตั้งครรภ์เป็นสัปดาห์ เช่น 1 เดือนคือ 4 สัปดาห์ โดยจะนับ หลังจากที่ประจำเดือนรอบสุดท้ายมาครั้งล่าสุด นั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการเปลี่ยนแปลงของว่าที่คุณแม่เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ในช่วง 2 สัปดาห์แรกนั้น จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจนมากนัก โดยบางคนอาจจะสังเกตเห็นเพียงแค่ว่าตนเอง มีอาการประจำเดือนขาด หรือมาไม่ตรงเวลาเท่านั้น ซึ่งเมื่อผ่านไป 2-3 เดือน จึงพบว่าตนเองได้ตั้งครรภ์ไปแล้ว  โดยเรามีคำแนะนำ สำหรับคนที่มีคู่รักหรือมีครอบครัวแล้ว และไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอ ควรซื้อที่ตรวจครรภ์จากร้านขายยาหรือเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด […]

พัฒนาการทารก สำคัญ เริ่มต้นถูกวิธีทำให้ลูกฉลาด

พัฒนาการทารก

                คุณคงเคยได้ยินแนวทางนี้มาบ้างที่ว่า “ในช่วงแรกเกิดไปจนถึง 2 ปี ลูกจะมีพัฒนาการที่ไวต่อการเรียนรู้ จากนั้น 5 ปี จะเริ่มช้าลง” ถือเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้พ่อแม่หลายคนให้ความสำคัญกับลูกมากขึ้น ฉะนั้นจงใช้ช่วงอายุที่ว่าอย่างคุ้มค่า เพื่อที่เขาจะเป็นเด็กฉลาดในอนาคต และที่สำคัญลองทำตาม พัฒนาการทารก ที่เราขอนำเสนอวันนี้ เริ่มสังเกตและส่งเสริม พัฒนาการทารก ตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 4 เดือน การที่ลูก ๆ จะมีพัฒนาการเร็วและเหมาะสมกับวัยต้องเริ่มจากคุณพ่อคุณแม่สังเกตพฤติกรรม พร้อมกับศึกษาหาข้อมูล เพื่อนำมาปรับใช้กับลูก ซึ่งในวันนี้เราจะพูดถึง พัฒนาการทารก ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 4 เดือน ซึ่งจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เราลองมาเช็คดูพร้อม ๆ กันเลย ดังนี้ พัฒนาการทารก แรกเกิด วัย 1 เดือน ทารกสามารถมองใบหน้าแม่ได้ ทารกเคลื่อนไหวแขนขาทั้งสองข้างได้ ทารกรับรู้ต่อเร็ว จึงมีอาการสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง แม้ว่าในช่วงนี้ พัฒนาการทารก แรกเกิด อาจไม่มีความหวือหวามากนัก […]

จัดสถานที่ให้พร้อม เพื่อพัฒนาการลูกน้อยและ ความปลอดภัยในบ้าน

ความปลอดภัยในบ้าน

            นอกจากความรักจากพ่อแม่มีให้ลูกแล้ว ความใส่ใจเรื่อง ความปลอดภัยในบ้าน ถือว่าสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงวัยที่เขาเริ่มหัดคลาน เพราะสามารถเคลื่อนไหวไม่หยุด รื้อค้น หยิบจับของเข้าปาก ซึ่งอันตรายมาก ๆ ฉะนั้น หน้าที่ของคนดูแล หรือพ่อแม่จะต้องระมัดระวังอย่างมาก ในวันนี้เราไปดูกันว่าการรักษาความปลอดภัยสำหรับการเลี้ยงเด็กคืออะไร ลูกน้อยวัยซนกับ ความปลอดภัยในบ้าน ถือสำคัญ             ลูกน้อยมีพัฒนาการเปลี่ยนไปในทุก ๆ วัน พ่อแม่เองหากเริ่มสังเกตว่าเขาหัดคลาน หยิบจับสิ่งของได้ จะต้องเริ่มจัดเก็บสถานที่ ยิ่งโล่งได้เท่าไหร่ได้ยิ่งดี โดยเริ่มจาก ความปลอดภัยในบ้าน และสิ่งของต่าง ๆ ที่เป็นอัตรายจะต้องเก็บไว้ไม่ให้เล็ดรอดออกมาและยังมีอีกหลายวิธีที่ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1. สายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าเก็บอย่างมิดชิด เครื่องใช้ไฟฟ้า และ สายไฟ ถือเป็นอัตรายต่อลูกรักอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความยาวของสายที่อาจรัดคอ รัดแขนขาได้และอาจเกิดถูกไฟช็อต หากเกิดขึ้นอาจทำให้แก้ไขไม่ทัน ฉะนั้นพ่อแม่จะต้องเก็บให้เรียบร้อย แนะนำให้ใส่กล่องหรือไว้ที่สูง ๆ ที่เขาไม่สามารถยื้อถึงได้ 2. ล็อกประตูและหน้าต่างให้ดี ในบางครั้งคุณอาจหลงลืมได้ เมื่อทำกิจกรรมหลายอย่าง ซึ่งหากประตูเปิดอยู่ ลุกน้อยอาจจะออกจากบ้านไปหรือปีนป่ายหน้าต่างอาจตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บ ตามที่มีการนำเสนอข่าวอยู่บ่อยครั้ง เพราะด้วยความซุกซนของเด็กที่บางครั้งทำให้ไม่ทันคิด อย่างไรก็ตามแม้จะมั่นใจว่าบ้านมีรั้วรอบขอบชิดก็ตาม ไม่ควรจะละเลยเด็ดขาด […]