พูดกันว่าแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็เปรียบดังสองชีวิตที่อยู่ในร่างกายเดียว ด้วยเหตุนี้การดำเนินชีวิตจึงต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนถึงแม่และลูก ไม่ว่าจะลุกนั่ง เดินเหิน ทานอาหารคุณแม่ต้องคำนึงถึงทารกในครรภ์ให้มากที่สุด โดยเฉพาะโภชนาการสำหรับ แม่และเด็ก เพื่อบำรุงร่างกายของคุณแม่และเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์ไปพร้อมกันซึ่งการเลือกทานอาหารอะไรสักอย่างโดยไม่กะเกณฑ์เรื่องสารอาหารก็เป็นสิ่งไม่ควร ด้วยเหตุนี้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จึงต้องเลือกทาน อาหารคนท้อง ที่ให้ประโยชน์ทั้งต่อตนเองและลูกน้อยเป็นประจำ

การเลือกอาหารคนท้อง จะต้องยึดเอาเรื่องสารอาหารที่เป็นจำเป็นต่อทั้งคุณแม่และทารกเป็นหลัก ดังนั้น พฤติกรรมที่ทานอาหารตามใจปากแบบเกินพอดีจึงต้องหยุดเอาไว้ก่อน แต่คุณแม่หลายท่านที่เพิ่งเคยตั้งครรภ์อาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าควรทานหรือไม่ควรทานอะไร และเพื่อการนี้ทางเราจึงยกเอาข้อแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่จะให้ประโยชน์แก่คนท้องมาบอกต่อ คุณแม่มือใหม่จะได้นำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเอง
ทำไมจึงให้ความสำคัญกับ อาหารคนท้อง
– ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะต้องใช้พลังงานสูงกว่าตอนที่ยังไม่มีครรภ์หลายเท่า อาหารที่รับเข้าไปในร่างกายจึงต้องให้ประโยชน์เผื่อทั้งแม่และลูกไปพร้อม ๆ กัน อาหารคนท้อง ที่เน้นการบำรุงร่างกายและให้พลังงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
– อาหารที่รับเข้าไปในร่างกายขณะตั้งครรภ์จะส่งผลต่อการเติบโตของทารกแม้จะเป็นการเติบโตภายในครรภ์แต่หากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอทารกในครรภ์อาจจะไม่แข็งแรง หรือร้ายแรงที่สุดร่างกายของเด็กอาจจะไม่ครบสมบูรณ์
– อาหารหลายชนิดเป็นผลร้ายต่อการตั้งครรภ์ สามารถทำให้เกิดภาวะ ครรภ์เป็นพิษ ได้ ด้วยเหตุนี้การเลือกอาหารให้เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งท้องจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
เลือกอาหารให้เหมาะสมกับระยะตั้งครรภ์
การเลือกอาหารคนท้อง ให้เหมาะกับคุณแม่และเกิดโภชนาการที่ดี มีคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางออกมาว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือคุณแม่ตั้งครรภ์ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอ เพราะทั้งแม่และทารกต้องการสารอาหารจำเป็นหลายอย่างตลอดระยะการเติบโตของเด็กในท้อง และเน้นย้ำว่าต้องได้รับสารอาหารในปริมาณที่พอดี ด้วยเหตุนี้จึงมีการจัดตารางสารอาหารที่ควรได้รับแบ่งตามระยะตั้งครรภ์ของคุณแม่เอาไว้ เพื่อเป็นแนวทางให้แก่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้ลองเอาไปปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตัวเอง
1. อายุครรภ์ตั้งแต่ 0-3 เดือน ในช่วงนี้เป็นระยะที่ตัวอ่อนเพิ่งฝังตัวได้ไม่นาน ยังไม่ก่ออวัยวะเป็นรูปร่างชัดเจน อีกทั้งคุณแม่อาจมีอาการแพ้ท้องร่วมด้วยทำให้ไม่สามารถทานอาหารได้มากเท่าที่ควร คุณแม่จึงจำเป็นต้องได้รับพลังงานมากกว่าตอนยังไม่ตั้งครรภ์ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง และต้องเป็นอาหารที่มีรสอ่อนทานง่าย อาหารที่แนะนำจัดอยู่ในกลุ่มของโปรตีนอันมาจากเนื้อสัตว์ อาหารที่มีโฟเลตจำพวกผักสีเขียว เสริมผักผลไม้ที่มีเกลือแร่เข้าไปด้วย
2. อายุครรภ์ตั้งแต่ 4-6 เดือน ระยะนี้จะเห็นอวัยวะของทารกเป็นรูปร่างกว่าระยะแรกพร้อมกับน้ำหนักที่มากขึ้น ซึ่งคุณแม่ที่มีครรภ์ในระยะนี้ต้องการสารอาหารเพื่อแปรเป็นพลังงานมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะต้องใช้พลังงานจากอาหารในการแบกรับน้ำหนักของทารกและนำไปใช้กับการเจริญเติบโตของทารก อีกทั้งคุณแม่มักจะพบภาวะท้องผูกเพราะการขับถ่ายทำได้ยาก อาหารที่ทานเข้าไปในระยะนี้จึงต้องย่อยง่ายและดีต่อการขับถ่ายด้วย โดยกลุ่มอาหารที่แนะนำจะช่วยเสริมความแข็งแรงแก่อวัยวะของทารกเป็นหลัก โดยได้มาจากโปรตีนในเนื้อสัตว์ ไข่ โฟเลทจากตับ ผักสีเขียว ไอโอดีนจากผักและสัตว์ทะเล ธาตุเหล็กจากธัญพืช เครื่องในสัตว์ แคลเซียมกับฟอสฟอรัสจากนม ปลาตัวเล็ก
3. อายุครรภ์ตั้งแต่ 7-9 เดือน เป็นอายุครรภ์ระยะสุดท้ายก่อนคลอด ทารกมีอวัยวะครบแล้วแต่ยังต้องเสริมความแข็งแรงสมบูรณ์ให้แก่เด็กจนกว่าจะถึงเวลาคลอด ร่างกายของคุณแม่ต้องแบกรับน้ำหนักของทารกมากกว่าช่วง 6 เดือนก่อนเป็นเท่าตัว การทานอาหารจะต้องเพิ่มปริมาณขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเพื่อให้พลังงานกับคุณแม่และเสริมความแข็งแรงให้กับทารกไปพร้อมกัน ซึ่งจะเน้นไปยังอาหารที่เสริมแคลเซียมกับฟอสฟอรัส และจำเป็นต้องเสริมอาหารที่มีโอเมก้า 3 เข้าไปในรายการเป็นพิเศษด้วยซึ่งได้จากปลา อาหารทะเล และธัญพืช
แต่สารอาหารจำพวกโปรตีน ไอโอดีน ธาตุเหล็ก และโฟเลทก็ยังต้องการอยู่ ระยะครรภ์ในช่วงนี้ทารกขยายร่างกายเกือบจะเต็มที่แล้วจะทำให้คุณแม่ไม่สบายตัวและทานอาหารจำนวนมากในคราวเดียวไม่ได้ จึงสามารถแบ่งอาหารทานวันละหลายครั้งได้ แต่ต้องคำนึงเรื่องสารอาหารเป็นหลักนั่นเอง

คุณแม่มีครรภ์อย่าลืมดื่มน้ำ
เมื่อทราบเกี่ยวกับอาหารคนท้อง ที่เหมาะสมแล้ว แต่คุณแม่ทั้งหลายอย่าลืมข้อสำคัญอย่างหนึ่งไป สิ่งนั้นคือการดื่มน้ำ ซึ่งคนทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ยังต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อรักษาสมดุลร่างกาย ดังนั้น สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องระบบร่างกายจะมีความผันผวนกว่าคนปกติยิ่งต้องดื่มน้ำให้พอดีเพื่อรักษาสมดุลร่างกายเช่นกัน ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวันแนะนำว่าควรอยู่ที่ 8-12 แก้ว เพื่อป้องกันภาวะการขาดน้ำรวมถึงเป็นผลดีต่อระบบไหลเวียนเลือดด้วย
และอาหารที่มักแนะนำให้คนท้องทานคือนม แน่นอนว่าเป็นอาหารที่ให้คุณประโยชน์ต่อคุณแม่และทารกอย่างดี เพราะในกระบวนการเติบโตของทารกจะดึงเอาแคลเซียมจากร่างกายแม่ไปใช้จำนวนมาก ดังนั้น คุณแม่จึงควรดื่มนมหรือทานผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมให้ได้ทุกวัน ในปริมาณที่เหมาะสมควบคู่กับการทานอาหารหมู่อื่นให้ครบถ้วนจึงจะได้ผลดี
โภชนาการที่เหมาะสมเพื่อการเติบโตของลูกน้อยในครรภ์
การเลือกอาหารคนท้อง ให้เหมาะสมและรับเข้าสู่ร่างกายอย่างเพียงพอ ไม่ใช่แค่ประโยชน์ต่อตัวคุณแม่เท่านั้นแต่ยังส่งผลโดยตรงสู่ทารกที่กำลังเติบโตในครรภ์ด้วย เพราะหากได้รับสารน้อยเกินไปร่างกายของทารกจะเติบโตไม่สมบูรณ์ ส่งผลต่อพัฒนาการทางประสาทและสมอง หรือหากรับสารอาหารมากเกินไปทารกอาจตัวโตทำให้คลอดลำบากส่งผลถึงชีวิตของแม่และเด็ก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณแม่ที่กำลังอุ้มท้องต้องสนใจตารางโภชนาการเป็นพิเศษ เพราะหากเผลอตามใจปากอยู่บ่อยครั้ง ผลเสียอันเกิดจากอาหารซึ่งไม่มีประโยชน์จะส่งไปยังลูกน้อยที่กำลังเติบโตโดยตรงนั่นเอง Ufabet เว็บหลัก ufabet
https://mamaschoice.co.th/wp-content/uploads/sites/2/2021/05/calcium-2-1-1024×575-1.jpg