สำหรับผู้หญิงหลายคน ความหนักหน่วงสักครั้งในชีวิต ที่จะต้องแบกรับเอาไว้ ก็คงจะเป็นหน้าที่ของมารดาผู้อุ้มท้องบุตร และ เฝ้าเลี้ยงดูให้บุตรเติบโตมาอย่างปลอดภัย และการตั้งครรภ์ก็ถือว่าเป็นความยินดีปรีดาที่ครอบครัวต่างรอคอย เมื่อมี สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ คุณแม่บางคนก็มีสัญชาตญาณสูง สามารถจับสังเกตสิ่งปกติที่เกิดกับร่างกายตัวเองได้ไว แต่คุณแม่บางคนก็ยังจับสังเกตร่างกายตัวเองไม่เก่งจึงมักเกิดภาวะการ ท้องไม่รู้ตัว อยู่บ่อยครั้ง เพื่อเป็นการระวังความปลอดภัยให้ทั้งแม่และลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ คุณผู้หญิงที่มุ่งหวังจะมีครรภ์ควรหมั่นสังเกตร่างกายตัวเองอยู่เป็นประจำ

คุณแม่ที่เคยผ่านการมีครรภ์มาแล้วย่อมถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์แล้ว หากตั้งครรภ์ในครั้งต่อไปจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีท้องอยู่หรือไม่ แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ก็ควรจะศึกษาข้อมูลและวิธีการสังเกตอาการท้องของตัวเองเอาไว้ก่อน ซึ่งทางเราก็มีวิธีการจับสัญญาณเตือน สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่กำลังจะมีครรภ์มาแนะนำด้วย เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะตั้งครรภ์จริง
สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ ระยะเริ่มต้น
การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นหลังจากที่ไข่ของผู้หญิงได้รับการปฏิสนธิแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งการฝังตัวของตัวอ่อนนั้นสามารถเกิดขึ้นเร็วกว่า 2 สัปดาห์ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณแม่ แต่ สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ ระยะเริ่มต้นจะแสดงออกมาหลังจากที่ตัวอ่อนได้ฝังตัวในโพรงมดลูกไปแล้วประมาณ 1-4 สัปดาห์ โดยคุณแม่สามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นของตัวเองได้จาก Checklist เหล่านี้ ได้แก่
– ประจำเดือนคลาดเคลื่อนหรือไม่มาเลยในเดือนนั้น ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเริ่มสังเกตอาการตั้งครรภ์จากช่วงเวลาของประจำเดือนขาดหายเป็นอย่างแรก แต่ก็ต้องสังเกตร่วมอื่น ๆ ร่วมด้วยจึงจะให้ผลที่แน่นอนกว่า
– เต้านมมีลักษณะคัดตึง อาการนี้จะเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับช่วงเวลาที่ประจำเดือนขาดหาย เนื่องจากเต้านมมีการขยายตัวจนตึง เมื่อสัมผัสบริเวณเต้านมเบา ๆ ก็รู้สึกเจ็บมากได้ แต่อาการจะทุเลาลงหลังตั้งครรภ์แล้วประมาณ 3 เดือน
– รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงท้องกว่าครึ่ง มักจะเรียกกันว่าเป็นอาการแพ้ท้อง แต่ผู้หญิงหลายคนก็ไม่ต้องเผชิญอาการนี้เลยตลอดระยะตั้งครรภ์
– ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ตัวอ่อนเริ่มฝังตัวแล้วฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดความผันผวนไม่คงที่ ซึ่งจะเกิดผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น ความดันไม่ปกติ วิงเวียนศีรษะ รู้สึกอ่อนเพลียง่าย ไม่อยากอาหาร เกิดการท้องผูกเป็นระยะ การรับกลิ่นดีเกินไป เป็นต้น และที่สำคัญมักจะมีอารมณ์แปรปรวนที่ควบคุมยาก
– ปวดตามร่างกาย การตั้งครรภ์นอกจากจะทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงแล้ว ร่างกายก็จะเกิดการขยายตัวเช่นกัน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปวดศีรษะบ้าง ปวดหลังบ้าง เนื่องจากยิ่งอายุครรภ์เพิ่มขึ้นร่างกายของคุณแม่ก็จะยิ่งปรับขนาดตามไปด้วย ทำให้เกิดผลกระทบต่อการไหลเวียนเลือด หรือการแบกรับน้ำหนักร่างกายมากกว่าปกตินั่นเอง
– ปวดปัสสาวะบ่อยกว่าเดิม สาเหตุเกิดจากการขยายตัวของมดลูกตามอายุครรภ์แล้วเคลื่อนไปทับกระเพาะปัสสาวะ จึงทำให้คุณแม่รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกตินั่นเอง
– การมีเลือดออกจากช่องคลอด ในช่วงเวลาที่ตัวอ่อนกำลังฝังตัวจะมีเลือดออกมาทางช่องคลอดอยู่บ้าง ซึ่งคุณแม่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นเลือดประจำเดือนที่มาน้อยกว่าปกติได้ หากพบว่าเลือดออกจากช่องคลอดในปริมาณน้อยจนผิดสังเกตควรสังเกตอาการอื่นร่วมด้วย เพื่อพิจารณาว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์อยู่หรือไม่
– ร่างกายมีอุณหภูมิสูง ผู้หญิงที่กำลังมีครรภ์นั้นภายในร่างกายจะมีการปรับเปลี่ยนทั้งทางด้านร่างกายและฮอร์โมนภายใน เป็นเหตุให้ร่างกายต้องใช้พลังงานกับการเปลี่ยนแปลงนี้พอสมควร อุณหภูมิร่างกายจึงสูงขึ้นกว่าปกติจนทำให้รู้สึกว่ากำลังเป็นไข้ในบางครั้ง
การมีตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ เป็นปัญหาหรือไม่
การมีตกขาวมากกว่าปกติขณะตั้งครรภ์เป็น สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์อีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับคุณแม่ เป็นปฏิกิริยาที่เกิดในเพศหญิง หากยังเป็นสีขาวอยู่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่ากังวลเกินไปนัก เพราะตามธรรมชาติในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ตกขาวจะถูกผลิตออกมาในปริมาณมากเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพื่อยับยั้งสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าไปในช่องคลอด แต่ในทางกลับกันหากตกขาวที่ว่านี้มีการเปลี่ยนสีและมีกลิ่นไม่ปกติให้คาดคะเนว่ากำลังเกิดการติดเชื้อได้เลย ควรจะรีบไปพบแพทย์เฉพาะทางทันทีเพื่อวางแผนการรักษาให้ถูกต้อง และคุณแม่เองก็ต้องหมั่นดูแลบริเวณช่องคลอดให้สะอาดเป็นประจำด้วย

วิธีการตรวจภาวะตั้งครรภ์
เมื่อคุณแม่เริ่มเห็นถึง สัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์แล้วแต่ยังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าถูกต้องหรือไม่ สามารถทำการตรวจสอบด้วยเครื่องมือสำหรับตรวจการตั้งครรภ์ได้ และการตรวจภาวะตั้งครรภ์นั้นก็ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อไปสู่ขั้นตอนผดุงครรภ์อย่างถูกวิธีของคุณแม่มือใหม่อีกด้วย ซึ่งการตรวจครรภ์มีให้เลือกถึง 4 วิธีตามความสะดวก
1. ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ เป็นวิธีการที่ค่อนข้างนิยมเพราะค่าใช้จ่ายไม่สูง ใช้ปัสสาวะในการทดสอบ สามารถซื้อชุดทดสอบได้ที่ร้านขายยาทั่วไป แต่ผลตรวจสามารถคลาดเคลื่อนได้
2. ตรวจโดยห้องปฏิบัติการ วิธีการนี้ใช้หลักการตรวจปัสสาวะแบบเดียวกับชุดทดสอบการตั้งครรภ์แต่มีความแม่นยำมากกว่า
3. ตรวจโดยการเจาะเลือด วิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่อ่านผลรวดเร็วและแม่นยำกว่าตรวจด้วยปัสสาวะ
4. ตรวจโดยการอัลตร้าซาวด์ เป็นการตรวจครรภ์ที่นอกจากจะแม่นยำสูงแล้ว ยังระบุอายุการครรภ์ได้ สามารถตรวจพบสิ่งผิดปกติที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ของคุณแม่ได้ด้วย อย่างเช่น ท้องนอกมดลูก เป็นต้น
การเป็นคุณแม่สักครั้งแท้จริงต้องอดทนมากแค่ไหน
เมื่อเริ่มพบ สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ แล้ว คุณแม่จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์เพิ่มขึ้น และที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะเข้าฝากครรภ์กับแพทย์ที่ไว้วางใจได้ เพื่อจะได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ทุกระยะ นอกจากคุณแม่จะต้องคอยระวังตัวเองและลูกในท้องแล้ว คนในครอบครัวก็ต้องช่วยกันดูแลสภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์อีกแรง ซึ่งคุณผู้หญิงที่รับหน้าที่ตั้งท้องนั้นต้องอดทนทั้งตอนที่อุ้มท้องอยู่ และภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากคลอดด้วย ทุกคนจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการเป็นแม่คนสักครั้งนั้นช่างหนักหน่วงยิ่งนัก Ufabet เว็บหลัก ufabet
https://www.thaichildcare.com/wp-content/uploads/2020/11/Tests-Pregnancy.jpg
https://www.synphaet.co.th/wp-content/uploads/2021/04/117542534_xl-scaled.jpg