ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ ปิดกั้นพัฒนาการพ่อแม่รู้แล้ว ควรเลี่ยงและงด

ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์

          ในยุคสมัยนี้แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำของเรา แต่ใช่ว่าจะเหมาะกับทุก ๆ วัย อย่างมือถือเป็นเทคโนโลยีที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดและเป็นตัวเชื่อมโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง ฉะนั้นจึงทำให้พ่อแม่หลายคนคิดว่านั้นคือขุมทรัพย์แห่งความรู้สำหรับลูกน้อยที่กำลังอยู่ในวัยหัดเดิน หัดพูด ซึ่งมีผลเสียอย่างมากต่อพัฒนาการที่ช้าลง ตามที่องค์การอนามัยของโลกออกมาแนะนำว่าเด็กต่ำกว่า 2 บวบควรเลี่ยง ฉะนั้นวันนี้เพื่อให้พ่อแม่ได้ตระหนักมากขึ้นเราไปดูถึง ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ กัน

ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์

ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์

          วิธีเลี้ยงลูก ในยุคโซเชียลครองเมือง เราจะเห็นคุณพ่อคุณแม่บางท่านใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ตลอดจนคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์ ควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูก ภาพของเด็กหรือทารกดูมือถือ เล่นโทรศัพท์มือถือ กลายเป็นภาพที่คุ้นชินสายตา แต่รู้ไหมคะว่าการปล่อยให้ลูก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ อยู่กับหน้าจอมากเกินไปจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี ใครมีลูกอยู่ในวัยนี้ ป้องกันไว้ก็ยังไม่สาย ดังนั้นเรามาดู ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ ในวัยก่อน 2 ขวบกันเลยดีกว่าค่ะ

ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ ก่อนวัย 2 ขวบ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

                ไม่ว่าด้วยเหตุผลพ่อแม่ไม่มีเวลาต้องทำงาน ทำความสะอาดบ้าน ติดธุระ ต้องการพักผ่อนหรืออยากให้เรียนรู้จากวีดีโอก็ไม่ควรให้ลูก ๆ อยู่กับหน้าจอนานมากเกินไป โดยเฉพาะในเด็กที่ยังไม่ถึง 2 ขวบ ถือเป็นช่วงที่สมองของลูกพร้อมที่จะเรียนรู้ด้านต่าง ๆ โดยต้องมีพ่อแม่คอยสอนอย่างใกล้ชิด จึงไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่หน้าจอเพียงคนเดียว จะทำให้พัฒนาการช้าลงและขาดการปฏิสัมพันธ์ ไม่เพียงเท่านี้ยงัส่งผลต่าง ๆ ดังนี้

1. พัฒนาการด้านการพูดสื่อสารช้าลง

          การที่เด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้การพูดได้นั้นจะต้องเกิดจากการที่พ่อแม่และคนใกล้ชิดเป็นผู้สอน ตัวเองจะเริ่มฝึกสังเกตจากรูปปากและเสียงที่เปล่งออกมา ฉะนั้นในการเล่นโทรศัพท์มือถือจึงเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ ทำให้พัฒนาทักษะด้านการสื่อสารของเด็กแย่ลง หากลองสังเกตจะพบว่าในเด็กที่ติดจอจะพูดได้ช้ากว่าเด็กที่พ่อแม่คอยสอนพูด

2. ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย

          ในช่วงวัยกำลังหัดคลาน เดิน เด็กจำเป็นต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยกิจกรรมพัฒนาทักษะทางร่างกายจากคนในครอบครัว ฝึกให้จับสิ่งของ บริหารกล้ามเนื้อมัดมือ ฉะนั้นหากเด็กติดจอจะขาดการเคลื่อนไหว แน่นอนว่าส่งผลเสียก้านการเคลื่อนไหวอย่างมาก

3. ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง

          หากคุณสังเกตจะพบว่า ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ มักจะให้ความสนใจ จนบางครั้งเราเรียกแทบไม่ได้สนใจเราเลย ถือเป็นสัญญาณเตือนให้พ่อแม่รู้ว่าควรลดการดูด่วน ก่อนที่เขาจะขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง สิ่งที่ตามมาคือการไม่รู้จักสื่อสารและพูดช้าลงถือเป้นผลต่อเนื่องมาจากข้อแรกที่เรากล่าวถึง

4. สมาธิสั้น

          แน่นอนว่าสื่อออนไลน์ที่มาในรูปแบบการ์ตูน วีดีโอหรือแม้กระทั่งการสอนให้ความรู้ต่าง ๆ เป็นการแสดงภาพแบบสำเร็จรูป เด็กจะรับสารมาอย่างรวดเร็ว ขาดจินตนาการหรือการนึกคิดถือเป็นผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ และสมาธิสั้นไม่สามารถจดจ่อกับการดูสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ลุล่วง ไม่เพียงเท่านี้เสียงแจ้งเตือนข้อความต่าง ๆ จะเป็นตัวรบกวน

5. แสงสีฟ้าจากมือถือทำลายจอประสาทตา

          แสงสีฟ้าอย่างที่เราทราบกันดีว่าทำลายสายตาอย่างมาก แม้กระทั่งผู้ใหญ่เอง ฉะนั้นยิ่งเป็นเด็ก ๆ ที่ถือว่าการมองเห็นยังอ่อนไหวหากได้รับแสงเหล่านั้นจะนำไปสู่โรคสายตาสั้นหรือจอประสาทเสื่อม

6. ส่งผลเสียต่อการนอน

          ก่อนนอนสิ่งที่ไม่ควรทำย่างยิ่งคือให้ลูกน้อยดูจอโทรศัพท์ก่อนนอน เพราะแสงสว่าส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” เป็นตัวควบคุมการนอนหลับ อีกทั้งปัญหาต่อมาคือนอนไม่หลับ ฝันร้าย เป็นผลมาจากเซล์สมองถูกทำลาย แน่นอนว่าส่งผลในระยะยาวแน่นอนไปจนถึงตอนโต

7. เป็นเด็กก้าวร้าว

          บอกเลยว่าข้อนี้จะเป็นผลเสียอย่างมากไม่แพ้ข้ออื่น ๆ ยิ่งถ้าหากพ่อแม่นำมาเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ลูกทำตามคำสั่ง เพราะเมื่อเขาติดโทรศัพท์และเมือ่ไม่ได้ดั่งใจตามที่ต้องการจะเกิดความหงุดหงิด ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณบอกว่าลูกของคุณกำลังติดเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ

8. ขาดจินตนาการ

          จินตนาการเป็นสิ่งที้ติดมากับเด็กทุกคนและเป็นของขวัญที่พ่อแม่ควรรักษาไว้เพื่อให้ลูกได้มีความสุขกับการเล่นและส่งเสริมพัฒนาการต่าง ๆ แต่หากปล่อยให้ลูกติดจอเรียนรู้เองฝ่านรายการต่าง ๆ มักจะทำให้จิตนาการหดหายลง เพราะเป็นการนำเสนอภาพที่มีผลลัพธ์ออกมาให้แบบสำเร็จแล้ว จึงทำให้จินตนาการของเด็ก ๆ ถูกจำกัด

ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์

ทางออกที่ดีเมื่อลูกอยากดูหน้าจอ

แม้ว่ามือถือจะเป็นผลเสียต่อเด็กที่ยังอายุไม่ถึง 2 ขวบก็จริง แต่เมื่อเลยอายุเหล่านั้นมาแล้วหรือถึงวัยอันควรและไม่อาจเลี่ยงได้ทางออกที่ดีคือพ่อแม่จะต้องควบคุมให้เหมาะสม เพื่อที่ลูก ๆ จะได้รู้จักการปรับตัวและแบ่งเวลาได้ โดยแบ่งเป็นตามอายุดังนี้

  • เด็กทารกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ

          – จะต้องมีกิจกรรมทางกาย เพื่อให้ร่างกายได้ขยับอย่างน้อยวันละ 30 นาที

          – ไม่ควรให้ทารกอยู่ในรถเข็นนานกว่า 1 ชั่วโมงต่อครั้ง

          – ให้เขาได้นอนมากที่สุดตั้งแต่ 12-17 ชั่วโมงต่อวัน

          – ไม่ควรให้ ทารกดูมือถือ เลย

  • เด็กอายุ 1-2 ขวบ

          – จะต้องมีกิจกรรมทางกาย เพื่อให้ร่างกายได้ขยับอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง

          – นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 11-14 ชั่วโมง

          – ลูกน้อยไม่ควรอยู่หน้าจอเกิน 1 ชั่วโมง

  • เด็กอายุ 3-4 ขวบ

          – จะต้องมีกิจกรรมทางกาย เพื่อให้ร่างกายได้ขยับอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง รวมไปถึงการให้เขาได้เดินเคลื่อนไหวอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

          – นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 10-13 ชั่วโมง

          – ลูกน้อยไม่ควรอยู่หน้าจอเกิน 1 ชั่วโมง

สรุป

จาก ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ เป็นสิ่งที่จะทำให้พ่อแม่ได้ตระหนักแล้วว่าลูกน้อยคือผู้ที่จะได้รับผลเสียโดยตรง ฉะนั้นหากอยากให้เขามีพัฒนาการตามวัยควรแบ่งเวลา ทำกิจกรรมร่วมกับลูกให้มากที่สุดและหากยังไม่ถึงวัยอันควร ห้าม เด็ก เล่น มือ ถือ ได้จะเป็นการดี นกจากนี้ในส่วนของการวีดีโอคอลสามารถทำได้ เพราะเป็นการฝึกให้เขามีปฏิสัมพันธ์นั้นเอง อย่างไรควรเลือกเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้จอประสาทตาถูกทำลาย Ufabet เว็บหลัก ufabet

https://happymom.in.th/th/tips/kids-issues/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2-%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD/1396

https://www.mamykid.com/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87/