หลังจากที่ผู้หญิงมีตัวอ่อนฝังตัวอยู่ในมดลูก หรือเรียกอย่างง่าย ๆ ว่าเกิดการตั้งครรภ์นั่นเอง ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์
จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักที่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เต้านมและผิวหนังมีการขยายตัวมากกว่าที่
เคย จนบางครั้งสร้างความกังวล และอึดอัดใจ ต่อว่าที่ นมแม่ เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในหญิงตั้งครรภ์บางรายอาจมี
ภาวะแพ้ท้อง อันส่งผลต่อพฤติกรรมและสภาวะทางจิตใจของคุณแม่บางท่านได้ นอกจากนี้ ยังมีอาการอ่อนเพลียและ
ภาวะอยากอาเจียนได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นบ่อยจนเป็นปัญหาในชีวิตประจำวัน ว่าที่คุณแม่อาจจะเข้าไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หรือคุณหมอเพื่อทำการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น อย่างไม่กระทบต่อเด็กในครรภ์ได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนของร่างกายที่สำคัญ
ในช่วง 7-9 เดือนนั้นจะเป็นในส่วนของการเตรียมเข้าสู่สภาวะการคลอด ซึ่งปากมดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลง และเต้านม
จะมีการผลิตน้ำนมเพื่อพร้อมให้ทารกสามารถดูดได้ทันทีที่ได้ลืมตาขึ้นมา โดยอาการเหล่านี้จะเห็นได้ชัดในคุณแม่ท้อง
แก่ที่มีเสื้อคลุมหรือชุดชั้นในเปื้อนน้ำนมที่ไหลออกมาก่อนถึงกำหนดคลอดนั่นเอง
ตอบคำถาม นมแม่ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
ถือเป็นเรื่องน่าทึ่งพอสมควร ที่มนุษย์หนึ่งคนเติบโตขึ้นมาจากร่างกายของอีกคนหนึ่งได้ ซึ่งภายหลังจากที่ลืมตาขึ้นมา
สู่โลกใบใหม่ เจ้าตัวเล็กก็ร้องไห้จ้า หาความอบอุ่นและเอนเอียงใบหน้าเข้าซุกเต้า นมแม่ เพื่อดื่มกินน้ำนมที่มีคุณค่า
ทางสารอาหาร และทำให้เด็กน้อยผู้นั้นเติบโตไปได้นั่นเอง ซึ่งการผลิตน้ำนมของผู้เป็นแม่นั้น จะเกิดขึ้นตั้งแต่การตั้ง
ครรภ์ช่วงแรก ๆ โดยร่างกายจะกระตุ้นให้เต้านมมีการขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งฮอร์โมนต่าง ๆ จะเตือนร่างกายให้มีการ
ผลิตน้ำนม แต่ยังไม่ต้องถึงขั้นไหลออกมา เมื่อถึงภาวะที่เด็กใกล้จะคลอดเวลานั้นร่างกายจะปรับตัวโดยอัตโนมัติและส่งผลให้ คุณแม่มีน้ำนมไหลออกมาได้ในบางราย โดยช่วงแรก ๆ หลังจากที่คลอดลูกนั้นน้ำนมที่ไหลออกมาจะมีสีเหลือง ซึ่งถือเป็นนมที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อลูกน้อยเป็นอย่างมาก เพราะในนั้นมีสารที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกได้ อีกทั้งยังประกอบไปด้วยสารอาหารที่สำคัญในการเจริญเติบโต เช่น ไขมันที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกายของเด็กทารก อีกทั้ง น้ำตาลแลคโตส อันจะช่วยให้ระบบย่อยต่าง ๆ ภายในร่างกายของเด็กทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังประกอบด้วย โปรตีนสารอาหารที่สำคัญ ตลอดจนวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ อีกด้วย
ประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วย นมแม่ ที่คุณแม่ทุกคนควรรู้ไว้
ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับนมแม่ มาบ้างว่า มีประโยชน์ต่อลูกน้อยและสามารถกินดื่มได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกหลังการคลอดเท่านั้น จากนั้นจะไม่มีสารอาหารที่เพียงพอ ซึ่งความเป็นจริงแล้วน้ำนมภายหลังจาก 6 เดือนจะยังคงมีประโยชน์อยู่และสามารถให้ลูกน้อยดูดเต้าต่อไปได้โดยไม่ต้องหย่านม เพียงแต่ควรเพิ่มสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่นคาร์โบไฮเดรตและวิตามินจากข้าว โปรตีนจากไข่ แล้ววิตามินจากผักอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กเติบโตตามไปด้วย หากพิจารณาอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการกินนมแม่ นั้นมีให้ศึกษาข้อมูลอย่างง่าย ๆ ดังนี้
- เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของลูกน้อย เพราะในช่วง 6 เดือนแรกทารกจะไม่สามารถดื่มกินอย่างอื่นนอกจากนมของแม่ได้เลย ซึ่งหากไม่ได้รับประทานจะทำให้ลูกน้อยมีอาการงอแงและหิวโหยอย่างน่าสงสารเลยเชียวละ
- ถือเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายของเด็กโดยไม่ต้องลงทุนหรือออกเงินซื้อโดยไม่จำเป็น เพราะนี่เป็นสิ่งที่ร่างกายสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อให้ลูกน้อยได้รับประโยชน์ไปอย่างเต็มที่
- การดื่มนมของลูกน้อยนั้น ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารกได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็ก ๆ ที่ดื่มนมเป็นประจำตลอด 6 เดือนนั้น จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและไม่ค่อยเจ็บป่วยในเวลาต่อมามากนัก
- อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าในช่วง 6 เดือนแรกหลังจากคลอด ทารกควรดื่มเฉพาะนมแม่เท่านั้น ซึ่งมีสารอาหารที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไป ควรให้ทานอาหารอย่างอื่นเพิ่มเข้าไปด้วย โดยยังให้ดื่มนมของแม่ควบคู่อยู่เสมอ
ข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับนมแม่
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า นมจากแม่ลูกอ่อน นั้นมีความบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก จนสามารถช่วยแก้อาการเจ็บป่วยบางประการได้ ซึ่งในต่างจังหวัดจะมีความเชื่อเกี่ยวกับ นมแท้ ๆอย่างหนึ่ง ว่าจะสามารถแก้ปัญหาตาฝ้าฟาง หรืออาการเจ็บปวดบริเวณดวงตา ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ได้มีการหยดน้ำนมลงไปเพียงแค่ 1 หรือ 2 หยดเท่านั้น แต่ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อ ที่เล่าต่อ ๆ กันมา โดยในทางการแพทย์แล้ว อธิบายถึงความเชื่อที่น่ากังวลนี้ไว้ว่า ในระหว่างที่นำน้ำนมมาสู่ดวงตานั้นภาชนะที่บรรจุอาจจะมีความไม่สะอาด และไม่ปลอดเชื้อมากเท่าที่ควร จนก่อให้เกิดภาวะ ตาติดเชื้อ หรือมีแผลบริเวณดวงตา เพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อไป และอาจจะขยายวงกว้างของความเจ็บปวดขึ้นไปได้ นอกจากนี้ เชื้อโรคบางชนิดที่อยู่ในตัวของเจ้าของน้ำนม อาจจะแพร่กระจายไปสู่ผู้ที่มารักษาได้ ซึ่งทางที่ดีหากมีอาการเจ็บตา ควรไปปรึกษาจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับดวงตา จะเป็นทางออกที่ปลอดภัยที่สุด
นมของแม่ส่งผลต่อวิวัฒนาการของเด็กอย่างไร
นอกจากประโยชน์ของนมแม่ ที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของเด็กแล้ว การให้นมต่อเด็กทารกนั้นจะส่งผลถึงวิวัฒนาการและพัฒนาการของเด็กได้ในทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อผู้ให้นมและผู้ดื่มนมได้เป็นอย่างดี โดยจะขออธิบายถึงการให้นมอันส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กอย่างคร่าว ๆ ดังนี้
- ในระหว่างการให้นมนั้นจะมีการสัมผัสตัวเด็ก ซึ่งถือเป็นการสร้างความอบอุ่นทางใจและทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยอยู่เสมอ
- ในระหว่างการให้นมนั้น เด็กจะไม่ค่อยงอแงหรือส่งเสียงร้องไห้รบกวนเท่าไหร่นัก ซึ่งจะทำให้เด็กมีอารมณ์แจ่มใสและกินอิ่มนอนหลับได้ดี
- แน่นอนว่าเมื่อเด็กได้ดื่มนมอย่างเต็มที่ ร่างกายก็จะเติบโตเพราะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี
สรุป
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ นมแม่ ที่ผู้เป็นแม่ทุกคน ควรจะศึกษาเอาไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการเลี้ยงดูลูกน้อยตลอดจนเข้าใจถึงความสำคัญของน้ำนมในช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรก ซึ่งเป็นอาหารหลักของลูกน้อยอันจะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและเติบใหญ่ตามเกณฑ์ได้ดีนั่นเอง Ufabet เว็บหลัก ufabet